จิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอรัฐสภาให้ทำ FTA ไทย – ศรีลังกา เพิ่มขีดความสามารถประเทศไทยในการแข่งขันตลาดโลก

 

 

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยได้มีการอภิปรายต่อสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการทำ FTA ไทย-ศรีลังกา เพิ่มขีดความสามารถประเทศไทยในการแข่งขันตลาดโลกว่า การทำ FTA หรือการทำข้อตกลงทางการค้าเสรีนั้นเป็นสิ่งที่ควรจะทำ เนื่องจากด้วยหลักของเศรษฐศาสตร์ หากประเทศใดที่มีความชำนาญในเรื่องใด ก็ควรจะผลิตเฉพาะสินค้าประเภทนั้น และก็นำเข้าสินค้าที่ประเทศอื่นมีความชำนาญในการผลิตมากกว่า แต่ในทางปฏิบัติมีข้อจำกัดทางด้านเศรษฐกิจสังคมการเมืองและวัฒนธรรม

ทำให้การทำข้อตกลงทางการค้าเสรีไม่สามารถที่จะทำได้แบบ 100% จึงต้องมีการทำ FTA อย่างที่เห็นกันอยู่ปัจจุบันนี้คือมีการลดภาษีเป็นศูนย์ในบางส่วน และบางส่วนก็สงวนไว้ ซึ่งก็เป็นลักษณะปกติ นอกจากนี้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 178 ระบุว่าการทำหนังสือสัญญา ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจสังคมการเมืองหรือการค้าการลงทุน จะต้องให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบ

การทำ FTA ระหว่างไทยกับศรีลังกานั้น มีความเหมาะสมหรือไม่ จึงอยากจะขออนุญาตยกตัวอย่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในการทำ FTA สัก 2 ประเทศ สำหรับประเทศแรกคือประเทศสิงคโปร์ เพราะมีการทำ FTA กับประเทศต่างๆทั่วโลก 64 ประเทศ และมีการค้าขายกับประเทศต่างๆ ถึง 95% ของการค้าทั้งหมด หากมามองประเทศไทย พบว่าประเทศไทยไทยไม่ได้ทำ FTA คือสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป อังกฤษ แคนาดา จะเห็นว่าประเทศสิงคโปร์กลายเป็นประเทศที่มี GDP ต่อหัวสูง และเป็นประเทศที่พัฒนาไปไกลมากแล้ว

หากมามองประเทศเวียดนามมีการทำ FTA กับประเทศต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ประเทศเวียดนามมีแต้มต่อทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง เมื่อ 20 ปีที่แล้วประเทศเวียดนามล้าหลังประเทศไทยเป็นอย่างมาก แต่ประเทศเวียดนามมีการทำ FTA กับประเทศสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ทั้งที่ประเทศไทยซึ่งขายสินค้าทำนองเดียวกันกับประเทศเวียดนาม พยายามที่จะแข่งขันชิงตลาดกับประเทศเวียดนาม ในตลาดของ EU ก็จะเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจาก EU เก็บภาษีจากเวียดนามถูกกว่าประเทศไทย และมีเงื่อนไขมีอุปสรรคในการค้าน้อยกว่า มีอุปสรรคในเรื่องของการลงทุนน้อยกว่า ดังนั้นเวียดนามจึงได้เปรียบประเทศไทยเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้เวียดนามมีแต้มต่อมากกว่า เพราะว่าถ้าลงทุนในเวียดนาม สามารถที่จะได้ตลาดสหภาพยุโรป 27 ประเทศ จึงเห็นว่ามีประเทศต่างๆ หรือผู้ประกอบการจำนวนมาก ย้ายฐานการผลิตไปประเทศเวียดนาม แม้แต่ประเทศสหรัฐอเมริกาเอง ถ้าหากว่าต้องเลือกระหว่างประเทศเวียดนามกับประเทศไทย ตอนนี้แต้มต่อของประเทศไทยมีน้อยกว่าประเทศเวียดนามเป็นอันมาก

ดังนั้นการทำ FTA ระหว่างไทยกับศรีลังกา จึงเป็นการช่วยเพิ่มแต้มต่อให้กับประเทศไทย ในการแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งประเทศศรีลังกาก็อาจจะพิจารณา โดยภาพรวมสินค้าต่างๆที่ศรีลังกามีกับสินค้าที่ไทยทำอยู่ค่อนข้างที่จะเสริมกัน ไม่ได้แข่งขันกันโดยตรง แต่จะมีบางตัวที่มีการแข่งขันกันบ้าง เช่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งประเทศไทยปัจจุบันก็มีการนำเข้าจากศรีลังกา แล้วผลกระทบของการทำ FTA ก็อาจจะมีผลเรื่องนี้ แต่ว่าเรื่องนี้ก็คงจะไม่มากเท่าไหร่

หากประเทศไทยทำ FTA กับศรีลังกา จะทำให้ประเทศไทยดีขึ้นคือ ไทยจะส่งออกสินค้าได้มากขึ้น จะมีการนำสินค้าจากศรีลังกามากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคไทยได้รับประโยชน์มากขึ้น เนื่องจากมีตัวเลือกสินค้ามากขึ้น แล้วก็จะได้ราคาที่ดีขึ้นด้วย ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการภายใน ที่อาจจะได้รับผลกระทบก็คงจะไม่มากนักตามที่ได้กล่าวไปแล้ว

ถ้ากล่าวโดยสรุปประเด็นที่ 1 ก็คือประเทศไทยควรจะทำ FTA กับประเทศศรีลังกา ข้อ 2 การทำ FTA กับศรีลังการนั้นถือว่าเป็นการช่วยเหลือมิตรประเทศ ที่สำคัญของไทยคือศรีลังกาปัจจุบันนี้ ทราบกันดีนะครับว่ามีปัญหาทางเศรษฐกิจครับต้องรับความช่วยเหลือจาก IMF ซึ่งเป็นปัญหาเศรษฐกิจใกล้เคียงกับต้มยำกุ้งของไทยในอดีต ตอนนี้ก็จะเป็นประเด็นที่ทำให้มีข้อเสนอแนะข้อที่ 3 ว่าตอนนี้ทางศรีลังกาก็คงจะต้องมีความจำเป็นอาจจะต้องขายสินทรัพย์จำนวนหนึ่ง จะเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทย ผู้ประกอบการของศรีลังกาในการทำธุรกิจต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นการเปิดโอกาสอีกอย่างหนึ่ง

ส่วนข้อ 4 ขออนุญาตเสนอแนะไปว่าเราควรจะเร่งทำ FTA กับสหภาพยุโรปด้วย เนื่องจากว่าสหภาพยุโรปนั้นมีการค้ากับประเทศไทยสูงถึง 42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าประเทศศรีลังกามีการค้าเพียงประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น และข้อสุดท้ายควรพิจารณาเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันข้อตกลงในเรื่องของการค้าและการลงทุน ถ้าหากว่าสามารถเพิ่มความสัมพันธ์ในรูปของ FTA ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาก็จะได้ประโยชน์ไม่น้อย เพราะว่ามูลค่าการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐนั้นสูงถึง 79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภาพ/ข่าว น.ส.นภชนก เหมือนนามอญ บก.ชลนิวส์ทีวีออนไลน์ สัมภาษณ์ บริบูรณ์ บก.”ข่าวทั่วไทย”รายงาน 087-614-2444.